วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

Nathon Town บ้านหน้าทอน

บ้านหน้าทอน - หลวงเจริญราษฎ์ภักดี (สิงห์ สุวรรณรักษ์-บรรดาศักดิ์ขณะนั้น) นายอำเภอเกาะสมุย กราบทูลสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อคราวเสด็จเกาะสมุยครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2455 ถึงที่มาแห่งนามสถานที่หลักในเกาะสมุย 4 แห่ง ปรากฏความใน "ระยะทางเสด็จตรวจการคฯะสงฆ์" ซึ่งจะตัดตอนมานำเสนอในแต่ละประเด็นบ้านดังนี้


บ้านหน้าทอน "ด้านตวันตกที่เสดจขึ้นเมื่อเช้า ชื่อว่า น่าทอน หมายความว่า เปนท่อนน้ำแต่ก็ยังใม่ได้ความแจ่ม" จากในแห่งคำกราบทูลของนายอำเภอเกาะสมุยดังกล่าวหมายความว่า การที่เรียกหาดซึ่งด้านบนเป็นบริเวณที่ตั้งที่ตั้งที่ว่าการอำเภอว่า หน้าทอน เนื่องจาก เป็นหน้าหรือบริเวณที่ถูกคลองทอนหรือตัดแบ่ง จึงเรียกว่าหน้าทอน คือ ทิศใต้เป็นที่ไหลลงทะเลของคลองปาก(บาง)ใหญ่ ส่วนด้านเหนือเป็นที่ไหลลงทะเลของคลองบางมะขามและคลองวัดใหม่หรือคลองจระเข้ ลักษณะของบริเวณหน้าทอน จึงเป็นเสมือนหาดที่ถูกตัดเป็นท่อนโดยลำคลองทั้งสอง-สามแห่งดังกล่าว
คัดข้อความมาจากหนังสือ สมุยที่รัก ของ กวี รังสิวรารักษ์ หน้า 96 - 97















วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

Samret Temple วัดสำเร็จ

วัดสำเร็จ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 5 ต.มะเร็ต วัดนี้มีอาคารเก่าสมัยรัชกาลที่ 6-7 เหลืออยู่ให้ชมเช่นกัน สิ่งที่ควรนมัสการคือ เจดีย์เก่า และเจดีย์บรรจุอัฐิของท่านขรัวพุทธสรณ์ พระศิลายวง (พระประธานในอุโบสถของวัด) มีรูปปั้นหลวงปู่เพชร ติสโส และ พระครูทีปาจารคุณารักษ์ หรือ หลวงพ่อมี อินทสุวัณโณ อดีตเจ้าคณะอะเภอเกาะสมุย รูปที่ 4 พระแท้แห่งเกาะสมุย


Coral Buddha in the hall of Samret Temple
พระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระปูนปั้นยุคเก่าจำนวนมาก เดิมที่ผนัง(ด้านเจดีย์ที่บรรจุอัฐิท่านขรัวพุทธสรณ์) มีรอยเท้าสองรอยประทับเป็นรอยอยู่อย่างรางเลือน และมีร่องรอยปิดทองโดยชาวบ้านผู้ศรัทธา รอยเท้าดังกล่าวเป็นรอยเท้าของท่านขรัวพุทสรณ์ดังที่ชีวิวัฒน์ กล่าวว่า "ที่ผนังข้างริมประตูข้างขวามีรอยเท้าคนกดอยู่ที่ออิฐผนังสองรอย ชาวเกาะนิยมถือว่าเป็นรอยเท้าขรัวพุดษรกดไว้" (หน้า 44) ปัจจุบันผนังพระวิหารได้รับการบูรณะใหม่แม้จะยังมีรอยปิดทองในตำแหน่งที่เคยมีรอยเท้า แต่เพราะผนังเดิมบริเวณนั้นถูกทุบทิ้งแล้วก่อผนังใหม่ รอยปิดทองที่ปรากฏจึงเป็นเพียงการบ่งบอกตำแหน่งที่เคยเป็นที่ปรากฏรอยเท้านั่นเอง


เจดีย์บรรจุอัฐิท่านขรัวพุทธสรณ์ จากข้อความที่จารึกบนแผ่นไม้ในวัดสำเร็จ สันนิษฐานว่าท่านพระครูวิบูลย์ธรรมสาร หลวงปู่เพชร ติสโส เป็นผู้สร้างขึ้นหรือปฏิสังขรณ์ เมื่อประมาณต้นทศวรรษที่ 2440 สมัยรัชกาลที่ 5


เจดีย์เก่า ที่หนังสือ ชีวิวัฒน์ระบุว่าเป็น 1 ในจำนวนเจดีย์ 3 องค์ที่ท่านขรัวพุทธสรณ์สร้างไว้ในเกาะสมุย ซึ่งหากเป็นดังนั้นก็จะเป็นเจดีย์สมัย อยุธยาตอนปลาย
อนึ่ง จากการที่สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 11 นครศรีธรรมราช ได้ทำการบูรณะเจดีย์เก่าวัดสำเร็จเมื่อปี พศ. 2544 เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งระบุว่าเป็นเจดีย์สมัยอยุธยาตอนปลายหรือต้นรัตนโกสินทร์ และไม่พบโบราณวัตถุใดๆที่ในเจดีย์เลย
เรื่องการไม่พบโบราณวัตถุนั้น สอดรับกับคำบอกเล่าที่ว่า ตอนต้นศตวรรษที่ 2500 เมื่อหลวงพ่อมีเจ้าอาวาสวัดสำเร็จขณะนั้น มีกิจธุระเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้มีการลักลอบขุดเจดีย์องค์นี้ ผู้ขุดได้โบราณวัตถุไปเป็นจำนวนมาก เช่น พระยอดธงเนื้อเงิน เนื้อทองคำ เป็นต้น

เรือนรับรองพระอาคันตุกะ วัดสำเร็จ ฝีมือหมื่นพยาธิบำบัด ( ดำ ใจกว้าง)
หอไตร วัดสำเร็จ สร้างเมื่อปี พศ. 2469

ภายในหอไตร ภายในวัดสำเร็จ
อาคารด้านซ้ายของภาพข้างบนนี้คือ พระวิหาร ด้านขวาคือ อุโบสถ ของวัดสำเร็จ

Pra Silayuang (White Jade Buddha) The principle Buddha images in the chapel of Samret Temple
พระประธารศิลายวง พระประธานในอุโบสถวัดสำเร็จ แกะสลักจากหินขาว ที่ชาวเกาะเรียกว่า ศิลายวง จัดเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นพระที่มีแหล่งกำเนิดในมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ที่ได้มาประดิษฐาน ณ เกาะพงัน - สมุย มีความเป็นมาดังนี้
พ่อท่านขิก ชาวท่าฉาง ได้มาพำนักอยู่ที่วัดมะเดื่อหวาน เกาะพงันประมาณ 2-3 ปี โดยมาพร้อมกับ พระดำ ใจกว้าง ชาวเกาะสมุย
พ่อท่านขิก เคยเดินธุดงค์ไปพม่า ลังกา มาหลายหน จนช่ำชองในเส้นทางเป็นอย่างดี ท่านมักเล่าชาวบ้านถึงเรื่องพระศิลายวงในเมืองพม่าอยู่บ่อยๆว่ามีลักษณะผิวเนื้องดงาม เป็นสง่า กระทั่งชาวบ้านเกิดศรัทธาอยากได้มาสักการะบูชาในประเทศไทยบ้าง จึงได้ทำการเรื่ยไรเงินเพื่อไปอัญเชิญมาจากประเทศพม่า
ชาวบ้านรวบรวมเงินได้ประมาณ 8-10 ชั่งแล้ว พ่อท่านขิกพร้อมด้วยพระดำ ใจกว้าง พระวาด ชาวท่าฉาง(เป็นญาติกับพ่อท่านขิก) และสามเณรรุ่น ก็ได้ออกเดินทางไปอัญเชิญพระศิลายวงมาจากประเทศพม่า
การเดินทางเริ่มด้วยการนั่งเรือจากเกาะไปขึ้นฝั่งแล้วเดินธุดงค์ไปยังกระบุรี จังหวัดระนอง เมื่อถึงบริเวณฝั่งพม่า ใกล้บ้านปากจั่นขณะพักค้างแรมที่นั่น มีชาวบ้านถึงแก่ความตายด้วยไข้ทรพิษ เมื่อได้รับการนิมนต์ไปไปทำพิธีทางศาสนา พ่อท่านขิกเป็นผู้ชักผ้าบังสุกุลศพ เป้นเหตุให้ท่านติดเชื้อ
การเดินทางต้องชะงักลงเพราะพ่อท่านขิกป่วยด้วยไข้ทรพิษ พอครบ 7 วัน ก็มีอาการผิวหนังปริทั้งตัว แล้วหลุดร่วงลงมา ท่านเกิดอาการร้อนรนจนถึงแก่มรณภาพ ฝังศพพ่อท่านขิกแล้ว พระดำ ใจกว้าง ก็นำพระวาด และสามเณรรุ่น ออกเดินธุดงค์ตามเส้นทางที่พ่อท่านขิกบอกไว้ ต่อไป
ระหว่างทางในเขตแดนพม่าได้ถูกพวกโจรปล้นชิงเงินถึง 2-3 ครั้ง เงิน 8-10 ชั่งในสมัยนั้นมีจำนวนมาก จนต้องให้พระวาด และสามเณรรุ่นเป็นผู้แบกถุงเงิน ในทุกครั้งที่ถูกพวกโจรปล้น พระดำ ได้ทำการต่อสู้ขัดขวางจนพวกโจรกระทำการมิสำเร็จ ต้องถอยหนีไป
เดินรอนแรมอยู่ในป่าเขาพงไพรที่แสนธุรกันดารเป็นเวลานาน ในที่สุดก็บรรลุถึงเมืองมัณฑะเลย์ ซื้อหาพระได้ตามต่้องการแล้ว เดินทางต่อไปยังท่าเรือ รอเรือนอก เรือเดินสมุทร เมื่อมีเรือก็จัดการบรรทุกพระศิลายวงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เป็นจำนวนมากไปเมืองไทย แต่เรือนอกจอดเฉพาะที่เกาะสีชัง จึงต้องให้เรือสำเภาจากเกาะพงัน ของ นาย ลิ้มข้ายผั้ง มาบรรทุกพระจากเกาะสีชัง ไปยังเกาะพงันอีกต่อหนึ่ง
พระศิลายวงมาถึงเกาะพงันเมื่อ พศ. 2450 (ร.ศ.126) หลังจากเข้าพิธีสมโภชเบิกพระเนตรพระเป็นเวลา 3 วัน โดยมีพระครูวิบูลย์ธรรมสาร (หลวงปู่เพชร วชิโร) ร่วมในพิธีนี้ด้วยแล้ว ก็แจกจ่ายพระไปตามวัดต่างๆในเกาะพงันและเกาะสมุย
สำหรับที่เกาะสมุยนั้น กล่าวกันว่า เรือบรรทุกพระ จากเกาะพงันมาจอดที่อ่าวโจ่งคร่ำ แล้วลำเลียงแจกจ่าย ไปตามวัดต่างๆ เท่าที่มีข้อมูลคือ วัดปลายแหลม วัดแจ้ง วัดสำเร็จ วัดนาราเจริญสุขฯ
นายเทือม ศรีขวัญ เล่าว่า พระศิลายวง วัดสำเร็จถูกอัญเชิญชักลากไปตามทางสัญจรยุคเก่า คือ จากโจ่งคร่ำผ่านคลอง(ตะ)กั่ว ไปตลิ่งพัง หน้าเมือง แล้ววัดสำเร็จ ส่วนพระที่วัดปลายแหลม หรือวัดแหลมสุวรรณาราม บางท่านว่าปัจจุบันสูญหายไปแล้ว
ในบรรดาพระทั้งหมด พระศิลายวงที่เป็นพระประธานในอุโบสถวัดสำเร็จ เกาะสมุย มีวรรณะ และพุทธลักษณะที่งดงามที่สุด ทั้งนี้คงเป็นเพราะพระดำ ใจกว้าง ซึ่งภายหลังได้ลาสิกขาบทแล้วรับหน้าที่เป็นแพทย์ประจำตำบลมะเร็ต ปรากฏในเอกสารเมื่อ พศ.2479 ว่าในปีนั้น ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ มีราชทินนามว่า 'หมื่นพยาธิบำบัด' อยู่แล้วซึ่งเป็นผู้ดำเนินการอัญเชิญพระศิลายวงจากมัณฑะเลย์มายังเกาะสมุยเป็นผู้มีนิวาสสถานอยู่ในละแวกวัดสำเร็จ ท่านจึงคัดเลือกพระองค์ที่สวยสมบูรณ์ที่สุดมาประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถวัดสำเร็จ
คัดลอกข้อความบางตอนมาจากหนังสือ สมุยที่รัก ของ กวี รังสิวรารักษ์ หน้า 232-233 และหน้า 240 - 242

Welcome to Koh Samui Excursion Reservation Blog




This blog is the part of http://www.samuibackpack.com. We offer you all excursions cheaper than the tour operator walk-in price. You can book by internet from your hotel or you can book in the internet cafe around the town in Chaweng, Lamai or Bophut Beach.



If you are not convenient to book by internet just book it by Fax and ask your hotel reception to send the Fax to 077 - 230314 (Automatic Fax) Or international sending +6677 230314 All of the tours you book, you don't have to pay when you book, but just pay on the tour day and all of the tour it is better to pay by cash in Thai Baht (Only some tour can pay by credit car, you can see in the detail of each tour.) And if you stay in the town, Chaweng , Lamai, Bophut, Mae Nam, you always can find the money exchange office everywhere and they will open everydays until 08:00 p.m.

Laem Sor Pagoda เจดีย์แหลมสอ

หลวงปู่เพชร ติสโส หรือ 'พระครูวิบูลย์ธรรมสาร' อดีตเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุยรูปแรก (ผู้เป็นพระอุปัชฌายะในการปุปสมบทครั้งแรกของหลวงพ่อแดง ติสโร และน่าจะเป็นครูผู้สอนอักษรสมัยให้แก่หลวงพ่อแดงในวัยเยาว์ด้วย) ได้รับพระบรมธาตุมาจาก 'พ่อท่านขิก' (ชาวท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ) องค์หนึ่ง
พ่อท่านขิกนี้เป็นพระภิกษุผู้ถือธุดงควัตรที่เคยธุดงค์ระหว่างเมืองไทย พม่า ลังกา หลายหน จนได้รับพระบรมธาตุมาจากลังกา 5 องค์ เมื่อท่านมาพำนักที่เกาะพงัน ท่านได้ถวายพระบรมธาตุให้หลวงปู่เพชร วชิโร เกาะพงันองค์หนึ่ง เมื่อสร้างพุทธเจดีย์ที่วัดเขาน้อย หลวงปู่เพชร วชิโร ได้บรรจุพระบรมธาตุดังกล่าวไว้ในเจดีย์ที่สร้างนั้น

ส่วนหลวงปู่เพชร ติสสร เมื่อท่านได้รับพระบรมธาตุจากพ่อท่านขิกแล้ว ท่านได้อำนวยการให้ 'พระดำ ใจกว้าง' ซึ่งเป็นผู้มีฝีมือทางการช่างจัดสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมธาตุขึ้นบนเชิงเขาขนาดย่อมห่างจากที่ตั้งวัดแหลมสอในปัจจุบันพอประมาณ ภายหลังเมื่อสร้างเจดีย์ขึ้นแล้ว เนินเขาลูกนั้น ก็มีนามเรียกขานว่า 'เขาพระเจดีย์'
'หลวงพ่อจบ เรืองโรจน์' ซึ่งในวัยเยาว์ เคยเป็นศิษย์ติดตาม 'พระดำ ใจกว้าง' ผู้เป็นญาติใกล้ชิด(มาอยู่ที่เกาะสมุย) เคยเล่าว่า เจดีย์ที่สร้าง เป็นรูปทรงบาตรคว่ำ ขณะกำลังก่อสร้าง เจดีย์ได้เกิดพังทลายลงมา ก้อนอิฐหล่นลงทับ 'พระดำ ใจกว้าง' ผู้เป็นช่าง แต่มิได้รับอันตรายแต่ประการใด
ในที่สุดเจดีย์ก็ได้สร้างสำเร็จ หลงปู่เพชร ติสโร จึงได้บรรจุพระบรมธาตุไว้ดังเจตนารมณ์ หลังจากหลวงปู่เพชร ติสโร มรณภาพแล้ว เขาพระเจดีย์ก็รกร้างอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ต่อมา อาจเนื่องจากไม่มีสายล่อฟ้า จึงเกิดฟ้าผ่าลงต้องเจดีย์ ทำให้เจดีย์ชำรุด
เมื่อหลวงพ่อแดง ติสโส มาพำนักอยู่แถวริมทะเลใกล้กับเขาพระเจดีย์ โดยในระยะแรกที่เข้ามาพำนัก ท่านได้สร้างโบสถ์น้ำ ณ สถานที่ใกล้ๆ กับที่ตั้งเจดีย์วัแหลมสอในปัจจุบัน แต่ต่อมา น้ำทะเลได้พัดพาทรายมาถมคลองริมทะเล ทำให้ขาดคุณสมบัติของ อุทกุกเขป หรือที่เรียกกัยนเป็นสามัญว่า 'โบสถ์น้ำ' จึงทำให้ต้องยกเลิก อพัธสีมาดังกล่าว หลวงพ่อแดง ติสโส จึงหันไปพัฒนาบริเวณที่ต้งวัดแหลมสอในปัจจุบัน จนมีถาวรวัตถุเสนาสนะ พอประมาณแก่การปฏิบัติศาสนกิจ
ด้วยเหตุแห่งความเป็นกตัญญู กตเวทิตาของหลวงพ่อแดง ติสโส ที่พยายามดำเนินรอยของบุรพชนในทางที่ชอบที่ควร ไม่ดูถูกเหยียดหยามในสิ่งที่อุปัชฌาจารย์กระทำไว้ แต่กลับต่อเติมเสริมสร้างให้ดียิ่งๆขึ้นไป ดังนั้น เมื่อเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมธาตุบนเขาพระเจดีย์ ซึ่งหลวงปู่เพชร ติสโส ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านได้สร้างไว้เกิดชำรุดทรุดโทรมจนเสียสภาพไป ท่านจึงมินิ่งดูดาย ยอมลงทุนลงแรงสร้างพระเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมธาตุขึ้นใหม่ แต่ด้วยเหตุผลทางภูมิลักษณ์ฺ จึงได้ย้ายจุดก่อสร้างเจดีย์ใหม่มาอยู่ริมทะเล ใกล้กับบริเวณที่เคยเป็นอุทกุกเขป หรือโบสถ์น้ำ เจดีย์วัดแหลมสอที่หลวงพ่อแดง ติสโส อำนวยการให้สร้างขึ้นใหม่นี้ นอกจากแสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตาของท่านแล้ว ท่านยังแฝงสัญลักษณ์ทางธรรมไว้ในรูปทรงองค์เจดีย์อีกด้วย รหัสธรรมทีท่านกำหนดไว้ในรูปทรงแต่ละชั้น แต่ละด้านของเจดีย์วัดแหลมสอก็คือ 'โพธิปักขิยธรรม' ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ ธรรมที่เกื้อหนุน แก่อริยมรรค มี 37 ประการ คือ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 และ มรรคมีองค์ 8 เมื่อสร้างเจดีย์แล้วเสร็จก็ได้มีการอัญเชิญ พระบรมธาตุที่พ่อท่านขิก ชาวท่าฉาง ถวายให้หลวงปู่เพชร ติสโส จากเจดีย์องค์เดิมที่ชำรุดทรุดโทรมบนเขาพระเจดีย์ มาบรรจุในเจดีย์องค์ใหม่ด้วย พระบรมธาตุของเก่าที่ชาวเกาะสมุยในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ร่วมกันประดิษฐานอย่างสมพระเกียรติก็มีโอกาสได้รับพระเกียรติประดิษฐานในเจดีย์อันวิจิตรตระการสง่างาม แสดงฝีมือศิลปะแห่งทศวรรษที่ 2510 ที่มีหลวงพ่อแดง ติสโส เป็นพลังสำคัญในการก่อสร้างอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบัน เจดีย์วัดแหลมสอเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในเกาะสมุย ที่บรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่มาเที่ยวเกาะสมุย มักหาโอกาสไปเยี่มชมนมัสการอยู่เสมอ
อนึ่ง ในปี 2546 สำนักงานโบราณคดี ฯ ที่ 11 ได้รับอนุมัติงบประมาณ ที่เสนอขอเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์เจดีย์แหลมสอบนเขาพระเจดีย์ ด้วยเหตุดังกล่าว เจดีย์ที่หลวงปู่เพชร ติสโส อำนวยการสร้างจึงได้ยืนยงอย่างสมบูรณ์แบบอีกหน
คัดลอกข้อความบางตอนมาจากหนังสือ สมุยที่รัก ของ กวี รังสิวรารักษ์ หน้า 233 - 236


Laem Sor Pagoda was built about the year 1967 by 'Luang Por Daeng Tisso' to keep the relic of the 'Buddha"
Originally, the pagoda had built before on the mountain nearby Laem Sor Pagoda in the present time by 'Lung Poo Phet Tisso' but it was too damage from the thunders, so 'Lung Por Daeng Tisso' just moved the relic from the old pagoda to keep in the new pagoda until nowadays.

The pagoda is locate in the southern point of Koh Samui. To visit this place, you have to drive along the road number 4170 nearby Thong Krud Village you will see the small intersection heading to Laem Sor Pagoda. The first picture is Laem Sor Pagpda, the second picture is the rocky beach nearby the pagoda.

At Pagoda Laem Sor, if you look to the sea, you will see Koh Madsoom or Madsoom Island


At the pagoda, another corner, you will see Koh Taen (Coral Island)

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

Welcome to Koh Samui Excursion Blog

This blog is the part of http://www.samuibackpack.com. We offer you all excursions cheaper than the tour operator walk-in price. You can book by internet from your hotel or you can book in the internet cafe around the town in Chaweng, Lamai or Bophut Beach. If you are not convenient to book by internet just book it by Fax and ask your hotel reception to send the Fax to 077 - 230314 (Automatic Fax) Or international sending +6677 230314 All of the tours you book, you don't have to pay when you book, but just pay on the tour day and all of the tour it is better to pay by cash in Thai Baht (Only some tour can pay by credit car, you can see in the detail of each tour.) And if you stay in the town, Chaweng , Lamai, Bophut, Mae Nam, you always can find the money exchange office everywhere and they will open everydays until 08:00 p.m.